ไขรหัส "ทอม-ดี้" รักจริงหรืออิงแฟชั่น?
ปัจจุบันสโลแกน ผู้ชายดีๆ หายาก
ยังคงอยู่ในใจของผู้หญิงหลายคน
ด้วยปัจจัยทางสังคมที่มองว่า
สมัยนี้ชายหนุ่มที่เพรียบพร้อม
และมั่นคงในความรักนั้นเป็น
อะไรที่หายาก จนทำให้บาง
กลุ่มคนเกิดมีความคิดว่า
ไม่จำเป็นเสมอไป”ที่ “หญิง”
นั้นต้อง เกิดมาคู่กับชาย
ด้วยเหตุฉะนี้ คำถามจึงมีอยู่ว่า
การที่สังคมมีกลุ่มคนรักเพศเดียว
กันเพิ่มมากขึ้น นั้นมีปัจเจกปัจจัย
มาจากความคิดดังกล่าว องค์ประ
กอบหรือ กระแสแฟชั่น
เราลองไปค้นหาคำตอบ
กับกลุ่มบุคคลเหล่านั้นกัน
"เอ" ชุติรัตน์ นักศึกษาชั้นปี
3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย
เอกชนชื่อดัง หนึ่งในสาวหล่อยืนยันว่า
กระแสแฟชั่นทอมดี้ในหมู่วัยรุ่นเป็น
เรื่องปกติธรรมดา แต่จะดีหรือไม่ดีขึ้น
อยู่ตัวบุคคลมากกว่า
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่วัยรุ่น
จะชอบหรือวางมาดเป็นผู้หญิงห้าว เพราะบาง
คนอาจจะมีเพื่อนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จนเกิด
ความรู้สึกชอบหรืออยากที่จะเป็นเหมือนเพื่อน
ยิ่งตอนนี้สังคมเปิดกว้าง หลายคนเริ่มเปิดใจ
ยอมรับเกย์ กระเทย ทอม ดี้ มากขึ้น และอีก
อย่างผู้หญิงชอบผู้หญิงด้วยกัน มันก็ไม่ใช่เรื่อง
เสียหาย เพราะดำเนินชีวิตในแบบของเรา
ไม่ได้เข้าไปทำร้ายใคร”
ส่วนสาเหตุที่เธอเปลี่ยนความรู้สึก
จากเด็กผู้หญิงธรรมดากลายมาเป็นทอม
บอยนั้น มันไม่ได้มาจากกระแสแฟชั่น เอบอก
ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีแต่เพื่อนผู้ชายเยอะ
เลยมีนิสัยห้าว และดูลุยๆมาตั้งแต่เด็ก
" มีคนเคยบอกว่าผู้หญิงคบกับผู้หญิง
ได้เหมือนกัน แรกๆ ไม่เชื่อนะ แต่หลังจากมีผู้หญิง
เข้ามาจีบ เราก็ถามตัวเองว่าใช่หรือเปล่า ถ้าเราเกิด
ชอบผู้หญิงด้วยกัน ครอบครัวเราจะรับได้หรือเปล่า
แต่ ณ วันนี้คำตอบของเราคือใช่ เราชอบผู้หญิงด้วยกัน
เราสามารถดูแลผู้หญิงได้เหมือนผู้ชาย และที่สำคัญ
ครอบครัวเข้าใจ รับเราได้ทุกอย่าง เขาจะไม่ถามว่า
ทำไมเราถึงเป็นแบบนี้”
อีกหนึ่งความคิดเห็นที่สอดคล้องกันของ
หญิงสาวที่หันมาชอบผู้หญิงด้วยกัน “ญิ๋ง” ณัฐณิชา
นักศึกษาชั้นปี 1 ภาควิชาสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์
มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ยอมรับว่ามักหลงเสน่ห์ สาวหล่อ
มากกว่าผู้ชาย เธอบอกกระแสแฟชั่นทอมดี้เกิดขึ้นจาก
สังคมและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เริ่มต้นจากโรงเรียนหญิงล้วน
“ใครๆคิดว่าเป็นทอมแล้วดูดี เท่ อยากจะบอก
ว่าถ้าไม่ได้เป็นจริงๆ แค่เดินก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ลักษณะ
การพูดจา การดูแลเอาใจต่างกัน แม้ว่ากระแสทอม
ดี้มาแรงแค่ไหน แต่ก็ไม่ใช่เกือบทั้งหมด บางคนเป็น
ทอม เพราะได้รับการปลูกฝังให้อยู่กับผู้หญิง อยู่ใน
สังคมหญิงล้วน ด้วยสาเหตุของพ่อแม่ที่ชอบตัดปัญ
หาไม่อยากให้ลูกเจอผู้ชายในเวลาที่ยังไม่สมควร
หรืออาจจะมาจากสาเหตุที่ผู้หญิงอกหัก ถูกผู้ชายทิ้ง
ก็เปลี่ยนมาชอบผู้หญิงด้วยกัน”
ด้วยสภาวะสับสน “ญิ๋ง” เผยเคยมีตัวเลือ
กระหว่างทอมกับเพื่อนชาย
"ตอนแรกที่คบทอม ก็มีผู้ชายมาจีบ
เราก็สับสน ผู้ใหญ่บางคนถามว่า คบผู้หญิงมัน
ดีตรงไหน โลกสร้างผู้ชายกับผู้หญิงมาคู่กัน
ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามธรรมชาติ เราก็ยิ่ง
สับสนมากขึ้น เราก็ตัดสินใจบอกกับแฟนที่เป็น
ทอมว่า เราไม่ค่อยแน่ใจตัวเองว่าเราเลือกถูก
หรือเปล่า แต่สุดท้ายเราได้คำตอบว่า เวลาที่อยู่กับ
ผู้หญิง รู้สึกอบอุ่น มีความสุขและเข้าใจกันมาก
กว่าผู้ชายที่คุยกันได้แค่ 2 วันก็รู้สึกอึดอัด ทำ
อะไรไม่ถูกเหมือนมันข้อผูกมัด ถ้าคบกันแล้ว
เราต้องมีอะไรกัน ถ้าพลาดท้องอนาคตเราก็จบ
ยิ่งสมัยนี้ผู้ชายดีๆหายาก”
ขณะเดียวกันที่ “จูน” ตรีนุช นักศึกษาชั้นปี
3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเอกชนอีกแห่ง
จูนมีบุคลิกเป็นสาวร่างสูง ผอม มาดทอมบอย
เธอกลับมีจิตใจของเธอกลับเป็นผู้หญิงร้อยเปอร์เซ็นต์
“ตั้งแต่เรียนมัธยมเพื่อนๆ ก็แซวว่า ถ้าเป็นทอม
สาวคงติดเยอะแน่ เราก็เฉยๆ รูปร่างเหมือนผู้ชาย
หน้าอกก็ไม่มี ตัวก็สูง ขายาว จำได้ว่าแม่จับใส่กระโปรง
แต่ก็ไม่เอา รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรา ยิ่งที่บ้านมีแต่ผู้หญิง
ทำให้รู้สึกว่าเราต้องเข้มแข็ง ต้องดูแลทุกคนให้ได้
ใครจะมองว่าเราเป็นอะไรก็รู้สึกเฉย ไม่อยากตาม
แฟชั่นไม่อยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร”
จูน บอกต่อว่า ถ้าใครที่คิดเลียนแบบแฟชั่น
ให้คิดให้ดีว่า ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นใคร
ชอบผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย อย่าทำให้คนที่เข้ามา
ผูกพันกับเราต้องเสียความรู้สึก ถ้ารู้ว่าเราไม่ได้เป็น
อย่างที่เขาคิด
เช่นเดียวกับ “เฟย” รริศิวพร สาวหล่อรุ่นใหญ่
ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนหญิงตั้งแต่วัยรุ่น มองว่า สังคม
ยอมรับพฤติกรรมของเด็กผู้หญิงที่เป็นทอมมากขึ้น
แต่บางคนกลับตามกระแสแฟชั่นแค่ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น
“รู้จักคำว่า ทอม ดี้ จากโรงเรียนสตรี เห็นคน
นั้นเท่ คนนี้แมน ชอบพูดครับ พูดฮะ พยายามวาง
ตัวให้เหมือนผู้ชาย คิดว่าเป็นทอมแล้วจะมีคนสนใจ
มากกว่าเดิม แต่ถ้าวันหนึ่งกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นมัน
ไม่ใช่ เขาก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนกลับไปเป็นผู้หญิงได้
การอยู่ร่วมกันในสังคมที่ใหญ่ เราต้องรู้ว่ามีคนยอม
รับเรามากแค่ไหน บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องแสดง
อ อกขนาดนั้น ถ้าเราทำให้ชีวิตของเราอยู่ในสังคม
ได้อย่างปกติสุข เราต้องคิดว่า เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
เป็นผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน แต่อย่าทำให้คนอื่น
เขาหมั่นไส้ อย่าให้เขามองเราเป็นตัวประหลาด ณ ว
ันนี้สังคมยอมรับเรามองขึ้น ก็อาจจะเป็นเพราะ
มีทอมที่ดีเพิ่มมากขึ้น ”
ส่วนทรรศนะด้าน “อ.ธียรชัย อิศรเดช”
อาจารย์ประจำภาควิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัย
รังสิต กล่าวว่า ไม่อยากให้มองกระแสดังกล่าว
อย่างเพียงผิวเผินว่าเป็นแค่แฟชั่น
“เท่าที่ได้ใกล้ชิดส่วนใหญ่นักศึกษาที่มีบุคลิก
ห้าวๆ พวกเขาไม่ได้แสดงออกทางรูปลักษณ์มากมาย
เพียงแต่มีความมั่นใจมากขึ้นในการใช้ชีวิตในแบบ
ที่เขาเลือก สมัยนี้ผู้หญิงที่ความรู้สึกกลายเป็นทอม
ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทางคล้ายผู้ชายเหมือนอย่าง
แต่ก่อน โดยส่วนตัวผมมองว่าท่าทีของสังคมร่วมสมัย
ที่เรียกร้องการแสดงตนอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่ามีเยอะ
ขึ้นหรือเป็นแฟชั่น จนทำให้เกิดความผิดปกติทางสังคม
เกิดปัญหาความขัดแย้งของรุ่นอายุหรือ generation
คนรุ่นเก่ามักจะอยากที่จะรักษาโลกให้อยู่ในสภาพ
ที่เขารู้จัก โลกที่มีแค่ผู้หญิงกับผู้ชาย แต่คนรุ่นใหม่มัก
จะอยากเปลี่ยนยุคสมัยความนิยมให้เป็นแบบในรุ่นของตน”
แต่ทว่าในมุมมองปิดท้ายของ“ทราย” เปรมฤทัย
เครือเรือน นักศึกษาชั้นปี 4 คณะวารสารศาสตร์และ
สื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทรายบอก
หากเป็นกระแสแฟชั่นมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
“อย่าเรียกว่าทอมดี้เป็นกระแสแฟชั่นดีกว่า
เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม เดี๋ยว
นี้เรื่องเพศเท่าเทียมกันมากขึ้น ทำให้ความแตกต่างระ
หว่างชายหญิงมีน้อยลง และเพศไม่ใช่เรื่องสำคัญในการ
คบหรือดูใจกัน โดยเฉพาะโรงเรียนหญิงล้วนมักจะมีความรัก
ความใกล้ชิด มองไปทางไหนก็มีแต่ผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น
ทำให้กลุ่มคนกลุ่มนี้ที่เราเรียกว่า ทอม ลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ
และอยากจะปกป้องเพื่อนผู้หญิงด้วยกัน ส่วนเด็กมหาวิทยาลัย
ก็เช่นกัน เพื่อนบางคนที่อกหัก ไม่กล้าที่จะคบกับผู้ชาย เพราะ
ไม่อยากจะเจอเรื่องเดิมๆ พอเจอเพื่อนที่เป็นทอม ชอบดูแล
ผู้หญิง มันก็เหมือนกันคลิ๊กเข้ากันได้ ด้วยความเข้าใจ
และไม่จำเป็นที่จะต้องหาแฟนเป็นผู้ชาย”
เมื่อเห็นข่าวหนังสือพิมพ์พาดหัว
“เวลาที่มีข่าวทอมดี้ตามหนังสือพิมพ์ ก็อยาก
จะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จะแปลกก็ตรงที่ผู้หญิง
ฆ่าผู้หญิง แต่เหตุการณ์นี้ก็ไม่มีให้เห็นบ่อยๆ เหมือนกับผู้ชาย
ฆ่าผู้หญิง หรือผู้หญิงฆ่าผู้ชาย คนเราทุกๆมีอารมณ์ ความคิด
ต่างกัน อย่าเหมาว่าทุกคนจะต้องเป็นเหมือนกันหมด”…
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น